
เมื่อแฟรนไชส์ยาวนานกว่า 30 ปีเดินทางมาถึงบทสรุปใน Mission: Impossible – The Final Reckoning (2025) ผลตอบรับจากนักวิจารณ์และผู้ชมต่างมีทั้งสีชมพูและสีเทา — แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ มันทิ้งร่องรอยไว้ในวงการภาพยนตร์ และกลายเป็นบทเรียนที่วงการต้องจดจำ
✅ เสียงวิจารณ์ในแง่บวก
หลายบทวิเคราะห์ยกย่องว่าภาคนี้เป็น “การส่งท้ายที่มีพลัง” ด้วยฉากแอ็กชันใหญ่ไม่แพ้ภาคไหน ๆ และการเชื่อมโยงกับแฟรนไชส์อย่างเต็มรูปแบบ
-
บทหนึ่งระบุว่า “The Final Reckoning delivers the most intense moments of the franchise, and cements the emotional core of Ethan Hunt definitively.”
-
อีกบทว่า “The Final Reckoning is a thrilling, emotional, and visually stunning ride that delivers everything fans expect and more.”
❗ เสียงวิจารณ์ในแง่ลบ
ในขณะเดียวกัน บทวิจารณ์บางรายมองว่าแม้จะมีฉากยิ่งใหญ่ แต่ก็มีปัญหาในด้านโครงเรื่องและจังหวะของหนัง
-
เช่นบทความหนึ่งระบุว่า “Mission: Impossible – The Final Reckoning isn’t exactly the farewell you want for your big franchise grand finale … it’s still a largely thrilling and compelling edition.”
-
และอีกบทกล่าวว่า “such is the case with Tom’s time as Ethan Hunt … the flow of events … might be predictable to some degree.”
🌍 ผลกระทบระยะยาว
-
แม้ว่า The Final Reckoning จะได้รับคำวิจารณ์ผสม แต่แฟรนไชส์ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับหนังสายลับ/แอ็กชัน — คือการรวม “แอ็กชันจริง” กับ “เรื่องราวยาวนาน” เข้าด้วยกัน
-
ยังมีบทเรียนว่าแม้หนังมีชื่อเสียงสูง อย่าลืมว่า “ความคาดหวัง” ของผู้ชมยุคใหม่ก็สูงขึ้นมาก
-
สำหรับผู้สร้างหนังในอนาคต ภาคนี้อาจกลายเป็นกรณีศึกษา: ทั้งในแง่ของการจัดการ legacy แฟรนไชส์, การยุติภาคต่อ, และการตอบสนองต่อเสียงวิจารณ์
